โครงการวิจัย
ภาษาไทย : พฤกษเคมีและฤทธิ์ทางชีวภาพของสารสกัดเมล็ดลิ้นจี่ค่อมสมุทรสงครามสู่การพัฒนาศักยภาพเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและการชะลอวัยเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุบนฐานเศรษฐกิจ BCG
ภาษาอังกฤษ : Phytochemical and Bioactive of Samutsongkhram Kom Lychee Seed Extract for Potential Development to Cosmetic and Anti-Aging Products based on BCG model
โดย : วรวิทย์ จันทร์สุวรรณ, สิริรัตน์ พานิช, จินตพัฒน์ นทีวัฒนา และอำนาจ ชินพงษ์พานิช
สังกัดคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร
งบประมาณสนับสนุนงานมูลฐาน (Fundamental Fund) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
บทคัดย่อ
เมล็ดลิ้นจี่ซึ่งเป็นผลิตผลพลอยได้จากอุตสาหกรรมแปรรูปผลไม้มีศักยภาพในการนำกลับมาใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาคุณสมบัติทางชีวภาพของสารสกัดจากส่วนต่าง ๆ ของเมล็ดลิ้นจี่พันธุ์ค่อม และประเมินศักยภาพในการประยุกต์ใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง โดยแบ่งการศึกษาออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ เปลือกเมล็ด เนื้อเมล็ด และทั้งเมล็ดดำเนินการสกัดด้วยตัวทำละลายเอทานอลโดยใช้ 2 วิธี คือ การแช่หมักและการสกัดด้วยคลื่นอัลตราโซนิก จากนั้นประเมินฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระด้วยวิธี DPPH และ ABTS ฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส ฤทธิ์ต้านการอักเสบ ฤทธิ์ต้านจุลชีพ ความปลอดภัยต่อเซลล์ผิวหนัง และวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีด้วยเทคนิค GC-MS พร้อมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์เซรัมและน้ำตบ และประเมินการยอมรับของผู้บริโภค ผลการวิจัยพบว่า เนื้อเมล็ดให้ผลผลิตสารสกัดสูงที่สุด (13.50% สำหรับการแช่หมัก และ 13.02% สำหรับการสกัดด้วยอัลตราโซนิก) สารสกัดแสดงฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระดีเยี่ยม โดยวิธี ABTS แสดงความไวสูงกว่าวิธี DPPH ประมาณ 2-2.5 เท่า เนื้อเมล็ดมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงที่สุดในทั้งสองวิธี (IC50 = 200.4 mg/mL สำหรับ DPPH และ 88.63 mg/mL สำหรับ ABTS) สารสกัดทั้งเมล็ดแสดงฤทธิ์ต้านการอักเสบปานกลาง (IC50 = 81.55 mg/mL) และฤทธิ์ต้านจุลชีพโดดเด่นต่อ Propionibacterium acnes และ Candida albicans อย่างไรก็ตาม สารสกัดมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสในระดับต่ำ การประเมินความปลอดภัยแสดงให้เห็นว่าสารสกัดไม่เป็นพิษต่อเซลล์เคราติโนไซต์ในความเข้มข้นไม่เกินร้อยละ 12.5 โดยมี IC50 เท่ากับร้อยละ 39.12 การวิเคราะห์ด้วย GC-MS พบสารประกอบสำคัญที่เป็นกรดไขมันและอนุพันธ์ของกรดไขมัน เช่น oleic acid, hexadecanoic acid, ethyl linoleate และ glycerin ซึ่งมีคุณสมบัติทางชีวภาพที่เป็นประโยชน์ต่อผิวหนัง ผลการพัฒนาผลิตภัณฑ์พบว่าน้ำตบได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคสูงกว่าเซรัม โดยน้ำตบสูตร B ได้รับคะแนนความชอบโดยรวมสูงที่สุด (6.353±0.69) คุณลักษณะที่ได้รับการยอมรับสูงสุดคือความชุ่มชื้นและความเหนอะหนะ ผลการวิจัยสรุปได้ว่า สารสกัดเมล็ดลิ้นจี่พันธุ์ค่อมมีศักยภาพสูงในการนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและการดูแลผิวหนัง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และควบคุมสิว ซึ่งจะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับเศษเหลือทางการเกษตรและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน การศึกษานี้ให้ข้อมูลพื้นฐานสำคัญสำหรับ
การพัฒนาผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยต่อผู้บริโภค

การพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์เซรัมจากสารสกัดเมล็ดลิ้นจี่ เป็นการดำเนินงานร่วมกับบริษัทเอ็ม ไอ เอ็ม คอสแล็ป แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด จังหวัดปทุมธานี ในด้านการเตรียมวัตถุดิบ สารสำคัญ การคิดค้นและปรับปรุงสูตร และการทดสอบความคงทนของผลิตภัณฑ์ ตลอดจนการทดสอบจากอาสาสมัคร โดยทั่วไปของการพัฒนาสูตรเซรัมผิวหน้ามักประกอบด้วยสารออกฤทธิ์ เช่น กรดไฮยาลูโรนิกหรือ กรดไกลโคลิกเพื่อให้ได้ผลเฉพาะเจาะจง เซรัมผิวหน้าเป็นตำรับเข้มข้นที่ประกอบด้วยน้ำหรือน้ำมัน เช่นเดียวกับครีมอื่น ๆ เซรัมหรือสารเข้มข้นมีความเข้มข้นของสารเคมีที่มีฤทธิ์ทางสรีรวิทยาประมาณสิบเท่าเมื่อเปรียบเทียบกับครีม ทำให้สามารถจัดการกับข้อกังวลด้านความงามได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเซรัมผิวหน้ามีความเข้มข้นสูงของสารประกอบที่มีฤทธิ์ซึ่งสามารถตอบสนองปัญหาผิวหนังที่หลากหลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เซรัมผิวหน้าประกอบด้วยสารเคมีขนาดเล็กที่ช่วยให้ผิวหนังสามารถดูดซึมได้อย่างรวดเร็วและลึก เซรัมผิวหน้าไม่เพียงแต่ดูดซึมได้อย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่ยังสามารถเข้าถึงชั้นผิวหนังที่ลึกกว่าเพื่อจัดการกับบริเวณต่าง ๆ และให้ประสิทธิภาพที่เหมาะสมที่สุด ส่วนประกอบดังกล่าวมีสารที่ช่วยให้ซึมซาบเข้าสู่ผิวหนังซึ่งสามารถเข้าถึงได้ลึก 6-7 ชั้น และบำรุงผิวด้วยส่วนผสมที่จำเป็น (Mangle et al., 2024) จากรายงานของหยานและคณะ (Yan et al., 2024) สารสกัดจากการหมักเมล็ดลิ้นจี่ด้วยแบคทีเรีย Lactobacillus plantarum และ Saccharomyces cerevillus สามารถใช้เป็นวัตถุดิบธรรมชาติในส่วนผสมเครื่องสำอางที่มีสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และช่วยชะลอวัยได้ นอกจากนี้ยังไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ (Sathya et al., 2023) จากรายงานการพัฒนาสูตรเซรัมโดยการใช้สารสกัดลิ้นจี่ร้อยละ 0.05 และ 0.1 (Lourith & Kanlayavattanakul, 2020) ดังนั้น ในการพัฒนาสูตรเครื่องสำอางประเภทเซรัม พิจารณาส่วนผสมสารสกัดลิ้นจี่อัตราส่วนระหว่าง 0.05 – 1.0% และได้ออกแบบสูตรส่วนผสมเป็น 2 สูตร (สูตร A และ สูตร B) ที่มีการใช้วัตถุดิบบางส่วนที่แตกต่างกัน โดยมีอัตราส่วนผสมดังตารางที่ 4.17 และ 4.19 โดยการออกแบบสูตรและการผลิตผลิตภัณฑ์ต้นแบบเซรัมสำหรับการทดสอบทางประสาทสัมผัส โดยบริษัทเอ็ม ไอ เอ็ม คอสแล็ป แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ภายใต้มาตรฐาน GMP Asean Cosmetic, ISO9001:2015, ISO14001:2015